การที่เป็นคนตรงไปตรงมานั้นอาจจะทำให้ไม่มีใครชอบเรา แต่อย่างน้อยมันก็สบายใจดี
ในยุคสังคมที่คนส่วนใหญ่มักจะชอบใส่หน้ากากเข้าหากัน คนแต่ละคนมักจะอยากต้องการคำตอบหรือคำพูดที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดี หรือรู้สึกสบายใจ แม้ว่าคำพูดนั้นจะเป็นคำโกหกหรือคำที่ไม่จริงใจก็ตามที แต่กลับกันกับคนที่ตรงไปตรงมา พวกเขามักจะพูดตามความรู้สึกจริงๆของพวกเขา คนพวกนี้มักจะถูกคนอื่นเกลียดหรือไม่ชอบ ทั้งๆที่เป็นคนจริงใจ ไม่ชอบพูดโกหก คงเป็นเพราะคำตอบหรือคำพูดของพวกเขาอาจจะไม่ฟังแล้วหวานหูหรือน่าฟังเท่าไหร่นัก
แต่เชื่อเถอะว่าชีวิตของคุณนั้นจำเป็นที่จะต้องการคนพวกนี้มากกว่า เพราะพวกเขามักจะพูดตรงไปตรงมา แต่ทั้งหมดล้วนเป็นความจริง ต่างจากบางคนที่มักจะพูดวกวนอ้อมไปอ้อมมา พยายามหาคำพูดมาพูดให้เรารู้สึกชอบ ทั้งๆที่มันไม่ใช่ความรู้สึกจริงๆของเขา แต่คนบางคนกลับชอบคำพูดของคนพวกนี้ซะอย่างนั้น กลายเป็นว่าชอบคำพูดของคนที่หน้าไหว้หลังหลอกอย่างนั้นหรือ???
บางคนเวลาเป็นคนฟังแล้วเจอคนที่พูดตรงไปตรงมา ก็ดันรับไม่ได้และดันรู้สึกโกรธเขา ทั้งๆที่คำพูดที่โกรธนั้นอาจจะเป็นคำพูดที่หวังดีสุดๆ และปรารถนาดี แต่กลับต้องมาโกรธให้กับคนที่รู้สึกแบบนี้กับเรา โดยผลวิจัยชี้ว่า ร้อยละ 90% ของมนุษย์มักจะพูดโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ เช่น เวลามีคนถามคุณว่า “ชุดนี้สวยไหม เข้ากับฉันไหม?” ส่วนใหญ่ก็มักจะตอบว่า “สวยดี, เข้ากับเธอมาก” ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วมันอาจจะไม่เข้าเลยสักนิด แต่ก็พยายามที่จะโกหกเพื่อให้เขารู้สึกสบายใจในคำตอบของเรา
แต่ถึงอย่างนั้นการพูดตรงไปตรงมาแม้จะเป็นเรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ แต่การถนอมน้ำใจคนฟังก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำควบคู่กันไปด้วยเช่นกัน เพราะการพูดตรงไปตรงมาแบบไม่ถนอมน้ำใจมักจะทำให้กลายเป็นคนพูดจาขวานผ่าซาก ถึงแม้คุณจะพูดเรื่องจริงมากแค่ไหน แต่ถ้าคนฟังฟังแล้วรู้สึกไม่โอเค คำพูดของคุณก็จะกลายเป็นคำพูดที่บั่นทอนความรู้สึกของคนที่ได้ฟังอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นการพูดตรงไปตรงมา ควรจะหาวิธีการพูดอย่างชาญฉลาดและรู้จักถนอมน้ำใจ จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะหรือผิดใจกัน เพราะคำพูดของเรานั่นเองค่ะ